top of page

หมู่บ้านพลัม ประเทศไทย:ในสายธารแห่งการปฏิบัติทางจิตวิญญาณ



“ที่ราบสูงหลังเปลวไฟ ยิ่งเขียวขจีและหอมกว่าที่เคย”


ผองเพื่อนที่รัก

ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนเขาใหญ่อีกครั้ง ในฤดูนี้มักมีฝนตกบ้างเล็กน้อย หลังผ่านวันที่อากาศค่อนข้างแห้งแล้งและหนาวเย็น ต้นไม้ต่างผลิดอกตูม และนี่คือเวลาที่เธอจะได้มาเยือนสถานปฏิบัติธรรมเพื่อมีส่วนร่วมในกิจกรรมพิเศษต่างๆ อย่างเช่น วันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีเวียดนาม งานภาวนาต่างๆ หรือ พิธีรับศีลปาฏิโมกข์ แต่เราทุกคนต่างก็รู้ว่า ไม่มีฤดูใบไม้ผลิที่เหมือนเดิม หากเธอได้เคยอยู่ ณ แผ่นดินผืนนี้ตั้งแต่เริ่มแรก เธอก็จะได้เห็นต้นไม้เจริญเติบโต เขียวขจีขึ้นทุกๆ วัน มีบรรดานักบวชชายหญิงหน้าใหม่ๆ ที่ต่างก็เติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กับโครงการก่อสร้างต่างๆ ในหมู่บ้านพลัมประเทศไทย ที่รู้กันว่า ทำหน้าที่เป็น สวนเพาะชำ – บ่มเพาะนักบวชใหม่ ปีนี้ เธอจะมีโอกาสร่วมเฉลิมฉลองการครบรอบ 10 ปีด้วยกันกับพวกเรา เมื่อมองกลับไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เราจะเข้าใจถึงความเป็นมาของหมู่บ้านพลัมประเทศไทยและจะสืบเนื่องหลวงปู่ต่อไปได้อย่างไร ทั้งในด้านการปฏิบัติของแต่ละคนและการปฏิบัติของทั้งชุมชน ต้นไม้แต่ละต้น ก้อนกรวดแต่ละก้อนที่เราพบบนเส้นทางการเดินสมาธิ นักบวชหญิงชายแต่ละรูปที่เคยอยู่ที่นี่กับเรา ยังคงอยู่กับเราในขณะนี้ สิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตต่างก็สามารถเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เราฟังได้ ประวัติศาสตร์ของเรากว่าสิบปีบนแผ่นดินผืนนี้ยังคงปรากฏให้เห็นได้ในปัจจุบัน เหมือนที่หลวงปู่สอนพวกเราว่า การกลับสู่ปัจจุบันขณะเอื้อให้เราได้สัมผัสกับอดีตที่ผ่านมา


หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เพิ่งสร้างใหม่

เมื่อสิบปีก่อน หลวงปู่ที่รักของพวกเราได้มอบ “กาย” ใหม่ให้แก่หมู่บ้านพลัมประเทศไทย อย่างไรก็ดี เรื่องราวของดินแดนแห่งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายปีก่อนเหตุการณ์ในปี 2556 ต้องขอบคุณพระโพธิสัตว์เหลือคณานับ ที่ช่วยเตรียมสวนเพาะชำแห่งนี้ ทั้งในด้านจิตวิญญาณ สิ่งของ และกำลังคน ด้วยความรักอย่างลึกซึ้งต่อเด็กน้อยแรกเกิดซึ่งต้องมาอยู่ไกลบ้าน หลวงปู่ได้จัดการเดินทางมาเยือนประเทศไทยหลายครั้งเพื่อก่อร่างอนาคตให้สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ นักปฏิบัติหลายพันคนได้เป็นพยานเมื่อหลวงปู่ทำพิธีชำระผืนดินให้บริสุทธ์ ปลูกต้นโพธิ์บนที่ดินใหม่ ซึ่งต่อมาก็คือ สถานปฏิบัติธรรมนานาชาติ หมู่บ้านพลัมประเทศไทย

ที่ดินใหม่ในเวลานั้น มีเพียงสวนมะม่วง แนวหมู่ต้นมะขามและกอพุ่มไม้มากมาย ขณะที่การก่อสร้างก็เป็นเพียงการวางแผ่นคอนกรีตลงบนพื้นดิน ตอนนี้ทุกห้อง ทุกมุมของที่ดินแห่งนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นของผู้คนและพลังงานอันแสนเบิกบาน แม้แนวต้นไผ่ สวนมะฮอกกานี ดอกไม้หลากสีสันและต้นท้อ อาจยังคงอ่อนวัย แต่ก็สามารถให้ร่มเงา ทดแทนต้นอะคาเซียและกอหญ้าคาได้แล้ว ต้นไม้ต่างๆ ที่ปลูกไว้มอบความเขียวขจีรอบอาคารที่พัก ทางเดินรอบเนินเขาที่ปรับแต่งหน้าดินให้เรียบเข้ามาแทนที่ทางเดินชำรุดที่เคยเต็มไปด้วยดินโคลนทุกครั้งที่ฝนตกหนัก อาคารที่พักสำหรับฆราวาสซึ่งเพิ่งสร้างใหม่เข้ามาแทนที่เต๊นท์ชั่วคราว ผ่านไปทางห้องครัวใหม่ ห้องตักอาหาร หอฉัน ไปจนถึงห้องเรียน สนามกีฬา ฯลฯ เธอจะเห็นนักบวชในจีวรสีน้ำตาลผู้มีรอยยิ้มแสนสดชื่นได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะในหอสมาธิ บนเขาอาณาปาณะ ในกระท่อมมองไกล หรือในสวนพุทธองค์ เธอจะสามารถค้นพบที่ว่างให้เธอได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติได้เสมอ

เมื่อมาถึงหมู่บ้านพลัมประเทศไทย เธออาจมาอยู่เป็นผู้ปฏิบัติ 7 วัน 2 สัปดาห์ 3 เดือนหรือนานกว่านั้น ในฐานะลูกบ้าน เธอจะได้เข้าร่วมทำงานเป็นกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มจะดูแลงานเฉพาะอย่าง ทำงานร่วมกันอย่างขยันขันแข็งเหมือนฝูงผึ้ง กวาดพื้น ปลูกผัก รดน้ำต้นไม้ หรือคัดแยกขยะ พลังชีวิตของหมู่บ้านพลัมสามารถเห็นได้อย่างแจ่มชัดที่สุดผ่านกิจกรรมต่างๆ ในชุมชน หลวงปู่เป็นนักเคลื่อนไหวด้านวัฒนธรรม และหมู่บ้านพลัมแห่งนี้ที่ตั้งอยู่ในที่ราบสูงอย่างเขาใหญ่ กำลังสืบเนื่องปณิธานของหลวงปู่ที่จะอนุรักษ์ความงดงามของวัฒนธรรมเวียดนาม ผนวกเข้ากับวัฒนธรรมไทย พร้อมกับการตระหนักถึงแนวโน้มความหลากหลายทางวัฒนธรรมของสังคมยุคใหม่ อย่างไรก็ตาม หมู่บ้านพลัมประเทศไทยหาใช่พิพิธภัณฑ์ทางวัฒนธรรม แต่เป็นรูปธรรมแห่งวัฒนธรรมที่มีชีวิต ซึ่งสะท้อนผ่านตำรับอาหาร การแต่งกาย บทสวดในพิธีต่างๆ และภาษา หากเธอมาเยือนหมู่บ้านพลัมประเทศไทยถูกเวลา เธอจะได้สัมผัสประสบการณ์กิจกรรมต่างๆ เช่น การตั้งเสาตรุษ (เสาไม้ไผ่สูงที่เป็นตัวแทนของความปรารถนาในช่วงปีใหม่) การห่อขนมดิน (ข้าวเหนียวรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบดั้งเดิม) การต้อนรับปีใหม่ การอ่านคำทำนาย “เกี่ยว” (คำอธิบายในรูปบทกวีสำหรับเป็นคำแนะนำในการปฏิบัติภาวนา) เทศกาลสงกรานต์ การเชิดสิงโต การเล่นโคมไฟในเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง การติดดอกกุหลาบที่กระเป๋าหน้าอกเสื้อในช่วงเดือน 7 (ทางจันทรคติ) การเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส เมื่อเทียบกับกิจกรรมเรียบง่ายในวันก่อนๆ แล้ว งานต่างๆ เหล่านี้ได้กลายเป็นงานประจำชุมชนของเราไปแล้ว เมื่อใกล้จะถึงเวลานั้นๆ ผู้คนต่างก็ตั้งตารอที่จะมาเข้าร่วมงาน


สถานปฏิบัติธรรมที่มีวินัย

หลวงปู่ไม่เพียงแต่ให้กำเนิด “ร่างกาย” แก่สถานปฏิบัติธรรมหมู่บ้านพลัมประเทศไทย แต่ท่านยังได้ให้แนวทางแก่จิตวิญญาณแห่งผืนแผ่นดิน ซึ่งจะเป็นสถานที่สำหรับชุมชนแห่งสติได้พำนักและแบ่งปันกันเสมือนเป็นบ้าน ชุมชนแห่งการปฏิบัติที่แตกต่างจากหมู่บ้านทั่วๆ ไป เราผู้เป็นนักบวชมีตารางปฏิบัติในมืออยู่เสมอและก็ยังพร้อมที่จะจัดกิจกรรมของเราให้สอดคล้องกับทุกที่ที่เราไป จากกิจกรรมเล็กๆ แบบถ่อมตนในวันแรกๆ ที่เราเริ่มต้น ในตอนนี้เรามีกิจกรรมตั้งแต่เช้าจรดค่ำ มีระฆังใหญ่ มีระฆังกิจกรรม มีเสียงระฆังอันไพเราะและกลองรูปปลา ผสานกับเสียงสวดมนต์ ทำให้เป็นสถานปฏิบัติที่มีวินัยดี

เมื่อเดินทางมาถึงสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ เธอจะเห็นทุกคนหยุด ยิ้มและเบิกบานกับลมหายใจของเขาทันทีที่มีเสียงนาฬิกาดังบอกเวลา เธอจะได้ร่วมรับประทานอาหารในความเงียบ เข้าร่วมวันแห่งสติซึ่งพุทธบริษัทสี่ปฏิบัติเดินสมาธิด้วยกัน เข้าฟังธรรมบรรยาย และแลกเปลี่ยนเรื่องราวการปฏิบัติของตนในช่วงการสนทนาธรรม เมื่อเธอมาที่หอสมาธิในยามเช้าตรู่ เธอจะเห็นบรรดาผู้ปฏิบัติที่มาถึงก่อนเวลาต่างนั่งสมาธิอย่างงดงาม แม้แต่ช่วงเวลาสัมผัสความเงียบอันประเสริฐ เธอก็ยังจะได้เห็นเหล่าสามเณรฝึกกราบสัมผัสพื้นดิน

ในสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ ไม่ว่าเธอจะมาที่นี่ด้วยวัตถุประสงค์ใด เธอจะเห็นตนเองอยู่ท่ามกลางชุมชนที่มีการปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะอยู่ในรูปแบบของ “การปฏิบัติร่วมกัน” แต่ทว่า แต่ละกิจกรรมคือโอกาสให้เรากลับมาสู่ใจของเรา กลับมาเข้าพึ่งเกาะภายในตนเอง


สถาบันพุทธศาสนาประยุกต์

ในเวลาสิบปีที่ผ่านมา สังฆะหมู่บ้านพลัมประเทศไทยได้เติบโตขึ้นทุกวัน ในช่วงวันแรกๆ ณ ที่ดินใหม่ สังฆะนักบวชทำได้เพียงดูแลกันและกันภายในชุมชนของนักบวช ไม่ได้มีผู้มาเยือนเรามากนัก เมื่อเราสามารถจัดงานภาวนาได้บ่อยขึ้น ความสามารถของเราที่จะดูแลกิจกรรมสำคัญๆ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากขึ้นๆ ก็เริ่มทำได้ดียิ่งขึ้น กิจกรรมต่างๆ เช่น งานภาวนาสำหรับผู้ใช้ภาษาเวียดนาม งานภาวนาคนหนุ่มสาว งานภาวนาเทศกาลสงกรานต์ งานภาวนาวัยรุ่น งานภาวนาช่วงวันหยุดส่งท้ายปีเก่า งานสำหรับคณะดั่งกันและกัน งานภาวนานักบวช โครงการบวชระยะสั้น โครงการบรรพชาสามเณรสามเณรีองค์น้อย ได้กลายมาเป็นกิจกรรมประจำปี

งานภาวนาขนาดเล็กที่จัดในช่วงสุดสัปดาห์อย่างสม่ำเสมอ ในช่วงงานภาวนาเหล่านี้ ผู้เข้าร่วมต่างได้รับแนวทางเพื่อการปฏิบัติด้วยความใส่ใจ และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่บำรุงหล่อเลี้ยงได้ด้วย การจัดกิจกรรมด้วยการใช้สามภาษาในเวลาเดียวกัน - เวียดนาม อังกฤษ และไทย พัฒนาดีมากขึ้น เพื่อต้อนรับนักปฏิบัติจากทั่วโลก ความทุกข์มากมายถูกแปรเปลี่ยน รอยยิ้มมากมายเบ่งบานบนผืนแผ่นดินแห่งนี้ ผู้ปฏิบัติหลายพันคนได้รับประโยชน์จากดินแดนแห่งนี้ จึงมีส่วนในการสร้างความสุขมากมายให้สังคม

นักบวชในวัดส่วนใหญ่เป็นนักบวชชาย-หญิงอายุน้อย ในช่วงปีแรกๆ ของเรา เราฟังธรรมบรรยายของหลวงปู่ที่บันทึกเก็บไว้ และมีช่วงเวลาให้ศึกษาด้วยตนเอง จากนั้น จึงค่อยๆ จัดให้มีชั้นเรียนธรรมะ ชั้นเรียนทักษะด้านต่างๆ และชั้นเรียนภาษาอย่างเป็นระบบมากขึ้น ต่อมา ได้มีการจัดหลักสูตรการศึกษา 7 ปีซึ่งดูแลโดยคณะการศึกษาที่มีการจัดทำหลักสูตรอย่างละเอียด

วัดทำหน้าที่เหมือนศูนย์ฝึกอบรมการเจริญสติให้นักบวชและฆราวาส โครงสร้างชั้นเรียน คำอธิบายรายวิชา เนื้อหา วิธีการ การประเมินผล และการรับรองไม่เหมือนกับโรงเรียนอื่นๆ ในวัดเราต่างสอนกันและกันด้วยวิถีการใช้ชีวิตของเราและเราใช้ชีวิตเพื่อฝึกปฏิบัติสิ่งที่เราได้เรียนรู้ เรารู้ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบการเรียนในชั้นเรียน ชอบการทำอาหารหรือเก่งเรื่องการปลูกดอกไม้หรือเข้าสังคม ไม่ใช่ทุกคนที่ชื่นชอบมุมสงบเหมือนผู้สูงอายุ นั่นคือเหตุผลที่รูปแบบการศึกษาของหมู่บ้านพลัมประเทศไทยประสงค์ที่จะโอบอุ้มบุคลิกภาพที่แตกต่างกันแทนที่จะเป็นแม่พิมพ์ตายตัวหนึ่งเดียวสำหรับทุกคน

นักบวชใหม่ชาย-หญิงหลายรุ่นได้ย้ายไปและมีส่วนช่วยศูนย์ปฏิบัติแห่งอื่นๆ ในวิถีหมู่บ้านพลัม หมู่บ้านพลัมประเทศไทยเป็นบ้านให้สังฆะมากมายนับไม่ถ้วนในเวียดนาม ไทยและประเทศต่างๆ ในแถบเอเชียแปซิฟิก ได้เข้าพึ่ง สังฆะปรากฏมากขึ้น มอบโอกาสให้นักปฏิบัติจำนวนมากขึ้นได้รับข้อฝึกอบรมสติ 5 ประการและ 14 ประการ


ครอบครัวขยายของพุทธบริษัทสี่

เรามักใช้วลี “ครอบครัวทางจิตวิญญาณ” เราสัมผัสบรรยากาศของความเป็นครอบครัวได้ง่ายเมื่อยู่ในวัด วิถีที่เราพูดจากัน ตัดสินใจด้วยกัน ทำงานร่วมกัน การต้อนรับนักบวชใหม่ชาย-หญิง ดูแลผู้ที่เจ็บป่วย ได้ช่วยให้เราตระหนักถึงจิตวิญญาณของ “การยอมรับและรักกันดั่งพี่น้องทางสายเลือด” ดังที่หลวงปู่มักเตือนพวกเราเสมอ ครอบครัวทางจิตวิญญาณไม่มีความผูกพันทางโลกเหมือนครอบครัวทั่วไป สายใยที่เชื่อมโยงสมาชิกในครอบครัวทางจิตวิญญาณของเราคืออุดมคติและวินัยที่มีร่วมกัน นั่นคือวิธีที่ทำให้การอยู่ในครอบครัวทางจิตวิญญาณส่งเสริมให้เราทำได้ดีกว่าการอยู่กับครอบครัวทางสายเลือด

ครอบครัวทางจิตวิญญาณนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงสมาชิกที่เป็นนักบวชเท่านั้น ยังขยายรวมถึงสมาชิกเช่น พ่อแม่ของนักบวช อาสาสมัคร พี่น้องชาวไทยแห่งคณะดั่งกันและกัน ตลอดจนสังฆะต่างๆ ในเวียดนามทั้งสามพื้นที่ บรรดาผู้คนที่ได้มีส่วนเกื้อกูลพลังชีวิตอุทิศจิตวิญญาณของเขาให้พื้นที่บริสุทธิ์แห่งนี้ ไม่ใช่เพียงนักบวชเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่ได้เคยมาร่วมปฏิบัติกับเรา เราอยู่ตรงนี้ทั้งในฐานะผู้ได้รับประโยชน์และมีส่วนช่วยเกื้อกูล สมาชิกครอบครัวขยายหล่อเลี้ยงซึ่งกันและกันด้วยการปฏิบัติและความรักในหนทาง

เธออาจถามว่า สิ่งใดและอะไรจะยังคงดึงดูดทุกคนให้มารวมกันที่นี่เพื่อที่จะแบ่งปันพื้นที่ว่างและจิตสำนึกร่วม ในฐานะนักปฏิบัติที่เป็นฆราวาส เธออาจต้องการมาเยือนหมู่บ้านแห่งนี้เพื่อสัมผัสพื้นที่ว่างอันบริสุทธิ์และสงบสุข วิถีชีวิตที่เนิบช้าเรียบง่ายซึ่งสร้างจากความเมตตาของผู้คน ความตระหนักรู้ที่จะปกป้องสิ่งแวดล้อมที่มีชีวิต และสภาพแวดล้อมที่ปลูกฝังอย่างดีเพื่ออนาคตของลูกหลานเรา ในฐานะนักบวชที่ยังคงศึกษาเล่าเรียน ครูอาจารย์ นักธุรกิจ บุคลากรทางการแพทย์ หรือ ผู้รอบรู้ทั้งจากฝั่งตะวันออกและตะวันตก ชาวพุทธหรือผู้ที่มิได้เป็นชาวพุทธ เธออาจปรารถนามาเยือนหมู่บ้านนี้สักสัปดาห์หรือมาร่วมงานภาวนาใหญ่ เพื่อเรียนรู้โดยตรงถึงวิธีการประยุกต์การเจริญสติเข้ามาใช้ในชีวิตครอบครัว ในที่ทำงาน รวมถึงในชุมชนของเธอ

สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ไม่มีใบรับรองให้หลังจบงานภาวนาเหมือนศูนย์ฝึกอบรมอื่นๆ อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของตนเอง ทุกคนรู้สึกได้ว่า เขาได้รับคำสอนหล่อเลี้ยงจิตใจมากมาย นักบวชชาย-หญิงบางรูปเคยได้สัมผัสความงดงามของการปฏิบัติและวิถีชีวิต ดังนั้น จึงปรารถนาที่จะอยู่นานขึ้นจนสามารถลงลึกในคำสอนยิ่งขึ้น มีพื้นที่ว่างและเวลามากขึ้นเพื่ออุทิศให้การนั่งภาวนาและการเดินสมาธิ การปฏิบัติส่วนบุคคลได้รับการเกื้อกูลอย่างแข็งขันจากพลังร่วมที่มั่นคงของทั้งวัด ต้องขอบคุณกฎระเบียบและตารางปฏิบัติที่กำหนดไว้เป็นอย่างดี ตลอดจนโอกาสที่ได้ช่วยเหลือสังคมด้วยการใช้ประโยชน์จากมาตรการต่างๆ ที่ปฏิบัติได้จริงและมีประสิทธิภาพ


การปฏิบัติส่วนบุคคล

เธออาจสงสัยว่า “ผู้อาศัย” ในหมู่บ้านจะทำอะไรได้บ้างเพื่อตอบสนองความต้องการการปฏิบัติที่เพิ่มขึ้นในสังคม เราควรมุ่งเน้นเฉพาะการจัดงานภาวนาและกิจกรรมต่างๆ หรือไม่ ถ้าเหมาะสมกับผืนดินแห่งนี้ ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมประจำวันและบำรุงหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์อันดีในหมู่พี่ๆ น้องๆ เราสามารถมองเห็นตนเองได้ดียิ่งขึ้น เราสามารถสร้างความสุขและแปรเปลี่ยนโคลนตมจากภายใน เราจะได้มีส่วนร่วมและตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าว โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อเรามีประสบการณ์ในการได้รับประโยชน์ เราก็จะทะนุถนอมความปรารถนาที่จะปฏิบัติ เพื่อให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์นั้นเช่นเดียวกับที่แผ่ออกจากตัวเธอ การมีความรู้สึกเช่นนี้เป็นรากฐานของเรา จะช่วยผู้อื่นในโลกใบนี้หรือไม่ ไม่ใช่คำถามอีกต่อไป แต่หากปราศจากรากฐานดังกล่าว ปัญหามากมายก็สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ นั่นทำให้เราตระหนักว่า สิ่งที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวล ไม่มีอะไรไกลเกินจากที่หลวงปู่พร่ำเตือนเราเสมอ

นั่นคืองานและแนวทางที่หลวงปู่ได้ใช้เวลามากมายในการทดลองและส่งต่อมาให้พวกเรา อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ได้ทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้ความปรารถนาของหลวงปู่เป็นจริง ยังมีจุดบกพร่องมากมายตรงนั้นตรงนี้ให้เราปรับปรุงซึ่งจะทำให้เราเกื้อกูลนักบวชชาย-หญิงได้มากขึ้น รวมถึงยกระดับคุณภาพการศึกษาอีกด้วย

เรามาลองตั้งคำถามสนุกๆ สักข้อหนึ่ง “ความสุขที่เราสร้างในทุกวันนั้นคุ้มกับค่าใช้จ่ายของเราแล้วหรือยัง” ครั้งหนึ่ง นักบวชหนุ่มแบ่งปันว่า ด้วยเหตุปัจจัยที่ไม่สมบูรณ์แบบของสังฆะ ถ้าถามว่า เหตุปัจจัยดังกล่าวเพียงพอสำหรับการปฏิบัติและความสุขของเขาหรือไม่ คำตอบของเขาคือ ใช่เสมอ สวนเพาะชำหมู่บ้านพลัมประเทศไทยจะมีอนาคตที่มั่นคงหรือไม่ และเราจะประสบความสำเร็จในการใช้ประโยชน์จากเหตุปัจจัยต่างๆ ที่หลวงปู่ส่งต่อมาให้เราเพื่อฝึกปฏิบัติการแปรเปลี่ยนตนเองหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสมาชิกบนผืนดินนี้เป็นสำคัญ หากสมาชิกแต่ละคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง ปฏิบัติไปด้วยกัน เราจะมีอิสระและมีความสามารถที่จะช่วยเหลือสังคมมากยิ่งขึ้น


งานส่วนรวม

ไม่กี่ปีมานี้ โลกได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มวลมนุษยชาติมีอนาคตร่วมกันบนโลกใบนี้ ไม่ว่าสวนเพาะชำหมู่บ้านพลัมประเทศไทยจะมีอนาคตที่งดงามหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับประเด็นอื่นๆ อย่างเช่น โลกจะรับมือวิกฤติสภาพอากาศอย่างไร สงครามจะสิ้นสุดอย่างไร และจะควบคุมโรคระบาดได้อย่างไร จากนี้ไป จะเป็นเรื่องภายในที่เกี่ยวเนื่องกับทั้งชุมชนและบุคคล อย่างเช่น ศูนย์ปฏิบัติธรรมหมู่บ้านพลัมแห่งอื่นๆ ที่มีความมั่นคงและแข็งแรง นักบวชทั้งชายหญิงสามารถเดินร่วมกันอย่างสมานฉันท์กลมเกลียวได้หรือไม่ ความโกรธหรือความคิดลบต่างๆ ของฉันสามารถที่จะถูกแปรเปลี่ยนได้สำเร็จหรือไม่ ความเหงาหรือปมด้อยของเธอสามารถถูกพิจารณาอย่างลึกซึ้งได้หรือไม่ “ศานติในตนเอง ศานติในโลก” นั่นคือข้อความแห่งปัญญาที่หลวงปู่คาดหวังให้พวกเราเผยแผ่ออกไป ดูราวกับว่า พวกเรากำลังเดินช้าๆ ด้วยย่างก้าวเล็กๆ ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ในความเป็นจริง เรากำลังจัดการกับรากเหง้าของปัญหา นั่นคือการแปรเปลี่ยนจากส่วนลึกของจิตสำนึกของมนุษย์ ในทางพุทธศาสนา การช่วยเหลือดวงวิญญาณที่กำลังเป็นทุกข์ เป็นการมอบศานติสุขให้จักรวาลเล็กๆ ทั้งมวล เราได้รับทั้งโอกาสและวิธีการที่จะช่วยเหลือตนเองและทำตนให้เป็นประโยชน์ ซึ่งในทางกลับกัน ก็จะทำให้สวนเพาะชำหมู่บ้านพลัมประเทศไทยได้ช่วยเหลือผู้อื่นและมีส่วนรับผิดชอบต่อชีวิต

เมื่อมองเข้าไปในองค์ประกอบที่ทำให้เกิดเป็นหมู่บ้านพลัมประเทศไทย เราสามารถทำให้ลักษณะของการปฏิบัติ การเรียนรู้ ความเกี่ยวพันดั่งพี่น้อง และการเกื้อกูลสวนแห่งจิตวิญญาณทั้งในระดับปัจเจกและส่วนรวมของบรรดานักบวชชาย-หญิงดีขึ้น เรากำลังยืนอยู่ด้วยกันในสวนที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ที่งดงามเป็นพิเศษ เราเรียนรู้วิธีที่จะได้รับประโยชน์จากสวนและนำพาความดีไปสู่ผองเพื่อน

เธอมีความฝันอะไรบ้าง ความฝันเหล่านั้นกำลังถูกลืมหรือไม่ หมู่บ้านในอุดมคติของเธอเป็นอย่างไร หมู่บ้านพลัมประเทศไทยมีส่วนอย่างไรต่อการที่จะทำให้ความฝันของเธอเป็นจริง แม้จะเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ ดังเช่น การเข้าถึงการรู้แจ้ง หรือความฝันเรียบง่าย เช่น การมีชีวิตที่เป็นกุศล หมู่บ้านพลัมประเทศไทย คือการปรากฏของจิตสำนึกร่วมที่สร้างจากความฝันของแต่ละคน ดังนั้น งานดังกล่าว จะเริ่มต้นที่แต่ละคน ดั่งสถูปแห่งการปฏิบัติที่เราสร้างถวายหลวงปู่ที่รักของเรา

หลวงปู่สอนว่า อนาคตอยู่ ณ ที่นี่แล้ว ตรงนี้ในปัจจุบัน สวนเพาะชำหมู่บ้านพลัมประเทศไทยไม่ใช่ภาพในความฝันอีกต่อไป แต่คือความจริงที่ปรากฏอย่างแจ่มชัดซึ่งเราสัมผัสได้ทันทีในขณะนี้ ภาพต่างๆ ของหมู่บ้านพลัมประเทศไทยซึ่งนำเสนอที่นี่ไม่ได้มุ่งที่จะกล่อมเราด้วยถ้อยคำสวยๆ ในความเป็นจริง ภาพเหล่านั้นเตือนให้เราตระหนักรู้ร่วมกัน ให้เราทุกคนตั้งมั่นด้วยจุดยืนที่มั่นคงก่อนที่จะก้าวต่อไปสู่อนาคต

พร้อมด้วยสังฆะหมู่บ้านพลัมประเทศไทย

พระภิกษุเจิน ฟับ อันห์

bottom of page